วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2551

บทที่ 3 เรื่อง การใช้ Prefix - Suffix

Prefix
Prefix แปลว่า “อุปสรรค”หมายถึงคำที่ใช้เติมเข้าข้างหน้าคำอื่น
แล้วทำให้คำคำนั้นมีความหมายผิดไปจากเดิม
เราเรียนคำเช่นนี้ว่า “Prefix” = อุปสรรค ในภาษาอังกฤษอุปสรรคที่ใช้กันมาก
และมักพบเห็นบ่อย ๆ มีอยู่ 10 ตัว คือ
1. –Un (ไม่) ใช้สำหรับเติมหน้าคำคุณศัพท์ (Adjective) หรือ คำกริยาวิเศษณ์ (Adverb)
เมื่อเติมแล้วทำให้คำนั้นมีความหมายตรงกันข้าม
เช่น suitable เหมาะสม unsuitable ไม่เหมาะสม
countable นับได้ uncountable นับไม่ได้
2. –Im (ไม่) ใช้สำหรับเติมหน้าคำคุณศัพท์ (Adjective) หรือ คำกริยาวิเศษณ์ (Adverb)
เมื่อเติมแล้ว ทำให้คำนั้นมีความหมายตรงกันข้าม
เช่น pure บริสุทธิ์ impure ไม่บริสุทธิ์
polite สุภาพ impolite ไม่สุภาพ
3. –In (ไม่) ใช้สำหรับเติมหน้าคำคุณศัพท์ (Adjective) เท่านั้น
เมื่อเติมแล้วทำให้คำนั้นมีความหมาย
direct ตรง indirect
ไม่ตรงexpensive แพง inexpensive ไม่แพง
4. –Re (อีก) ใช้สำหรับเติมหน้าคำกริยา (verb) หรือคำนามที่มาจากกริยาเท่านั้น
เมื่อเติมแล้วทำให้คำนั้นมีความหมายว่า “ทำอีก”
เช่น write เขียน rewrite เขียนใหม่
speak พูด respeak พูดอีก
5. –Dis (ไม่) ใช้สำหรับเติมหน้ากริยา (verb) หรือเติมหน้าคุณศัพท์ (Adjective)
และเมื่อเติมแล้ว ทำให้คำนั้นมีความหมายตรงกันข้าม
like ชอบ dislike ไม่ชอบ
agree เห็นด้วย disagree ไม่เห็นด้วย
6. –Mis (ผิด) ใช้สำหรับนำหน้าหรือเติมหน้าคำกริยา (verb) เท่านั้น
เมื่อเติมแล้วทำให้กริยาตัวนั้น มีความหมายว่า “กระทำผิด”
เช่น write เขียน miswrite เขียนผิด
spell สะกดตัว misspell สะกดตัวผิด
7. –Pre (ก่อน) ใช้สำหรับเติมหน้าคำนาม (Noun) หรือกริยา (verb)
เมื่อเติมแล้วทำให้นามนั้นมีความหมายว่า “ก่อน , หรือทำก่อน”
เช่น history ประวัติศาสตร์ prehistory ก่อนประวัติศาสตร์
university มหาวิทยาลัย preuniversity ก่อนมหาวิทยาลัย
8. –Tri (สาม) ใช้สำหรับเติมหน้าคำนาม และเมื่อเติม tri เข้าข้างหน้าแล้ว
ทำให้คำนั้นมีความหมายว่า “สาม” ขึ้นมาทันที
เช่น คำเดิม คำแปล เติมอุปสรรค tri แล้ว คำแปล angle เหลี่ยม triangle
รูปสามเหลี่ยมcycle จักรยาน tricycle รถสามล้อ
9. –Bi (สอง) ใช้สำหรับเติมหน้าคำนาม และเมื่อเติม bi เข้าข้างหน้าแล้ว
ทำให้คำนั้นมีความหมาย“สอง”ขึ้นมาทันที
เช่น cycle จักรยาน bicycle จักรยานสองล้อ
polar ขั้วโลก bipolar มีสองขั้วโลก
10. –En อุปสรรคตัวนี้ไม่มีคำแปลเป็นเอกเทศ เพียงแต่ว่าเมื่อนำไปเติมข้างหน้าคำนาม
หรือคำคุณศัพท์แล้วทำให้คำนั้นกลับเป็นกริยา (verb) ขึ้นมาทันที
เช่น camp ค่ายพัก encamp ตั้งค่าย
sure แน่ใจ ensure รับประกัน
Suffix
Suffix เป็นส่วนของคำที่เติม เพื่อให้รากศัพท์มีความหมายชัดเจนขึ้น
เช่น"ful" แปลว่า เต็มไปด้วย เพราะฉนั้น careful จึงแปลว่า เต็มไปด้วย
เช่น careful beautiful useful meaningful ดังนั้นคำที่ลงท้ายด้วย "_ful" บอกเราว่าเต็มไปด้วย
เช่น คำที่ mesningful คือ คำที่มากด้วยความหมาย
คำที่ลงท้ายด้วย suffix ส่วนใหญ่จะเปลี่ยนชนิดของตัว (part of speech)
เช่น คำนาม , คำคุณศัพท์ , คำกริยา และคำกริยาวิเศษณ์
In every word above, the suffix "-ful" gives you the idea of "much of something.
" A meaningful word "has much meaning."
1. NOUN-FORMING SUFFIXES MEANING" a person or a thing
(Suffix ที่เติมแล้วเป็นคำนามที่ หมายถึง คน สัตว์ สิ่งของ)
SUFFIX MEANING EXAMPLE
an, -ean, -ian person or thing that is of or belongs to ประชาชนหรือ สิ่งของของประเทศนั้น ๆ
; person skilled in or studying the subject ผู้ชำนาญในวิชาการ American historian
1.ant, -ent person or thing that does the action ผู้กระทำ servant
2.-ee person to whom the action is done ผู้รับการกระทำ trainee -
3.eer person concerned with ผู้เกี่ยวข้อง auctioneer -er, -or person or thing that does something
ผู้กระทำ dancer, screw driver -
4.ess female เพศหญิง actress -
5.ist person who believes in the ideas, principles, or teaching ผู้เชื่อในความคิด หลักการ คำสอน ; person who is skilful in.. ผู้เชี่ยวชาญ nationalistBuddhistreceptionistguitarist
6.-ster person of a certain type คนกลุ่มเดียวกัน youngster -
7.y, -ie dear/ little person or thingผู้เป็นที่รัก สิ่งของเล็ก ๆ น่ารัก daddy, auntie
2. NOUN-FORMING SUFFIXES (Suffixes ที่แสดง "คำนาม")
SUFFIX MEANING EXAMPLE
1.-acy , -cy state or quality of bankruptcy การล้มละลาย
2.-age activity courage ความกล้าหาญ
3.-al action arrival การมาถึง
4.-ance, -ence action, state or quality importance ความสำคัญ
5.-ary, -ery, -ry place where something is made, done or sold with library ห้องสมุด
6.-ate state electorate กลุ่มผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง
7.-ation, -tion, -ion action, state, condition examination การสอบ cracy, ocracy government, society democracy ประชาธิปไตย
8.-dom state of being ภาวะ freedom เสรีภาพ
9.-ful amount จำนวน handful จำนวน1 กำมือ
10.-hood state or time of being ภาวะ เป็น priesthood สมณเพศ
11.-phobia fear ความกลัว hydrophobia โรคกลัวน้ำ
12.-ic, -ics arts and sciences ศิลป ศาสตร์ physics ฟิสิกส์
13.-ide chemical compound สารเคมี cyanide ไซยาไนด์
14.-ing action การกระทำ gliding การร่อน
15.-ism idea, principles or teachings หลักการ คำสอน Buddhism พุทธศาสนา
16.-ity state, condition, quality สภาพ คุณภาพ humidity ความร้อนชื้น
17.-let, -ette small kind of เล็ก ๆ booklet หนังสือเล่มเล็ก
18.-logy, -ology principles or teaching ศาสตร์ วิชา geology ธรณีวิทยา
19.-ment result of ผลของการกระทำ management การจัดการ
20.-ness state; condition ภาวะ goodness ความดี
21.-ship state or quality of ภาวะ คุณสมบัติ leadership ภาวะผู้นำ
3.ADJECTIVE-FORMING SUFFIXES (Suffixes ที่แสดง "คำคุณศัพท์")
SUFFIX MEANING EXAMPLE

-able, -ible capable of; having; changeable
-al, -ial of; concerning; related to mental
-an, -ean, -ian of; belonging of American
-ant, -ent causing pleasant
-ate full of affectionate
-ed having surprised
-en made of wooden
-er comparative bigger
-ese belonging to; origin Japanese
-ful full of; causing careful
-ic, -ical connected with atomic
-ing causing surprising
-ish belonging to having thecharacter of Swedish, childish
-ive, -ative, -itive having the quality of explosive
-less without careless -like similar to childlike
-ly like in manner, nature orappearance; motherly
-ous, -eous, -ious causing dangerous
-some full of in all lonesome
-y full of; like that of rainy, silky
4. ADVERB-FORMING SUFFIXES (Suffixes ที่แสดง "คำกริยาวิเศษณ์")
SUFFIX MEANING EXAMPLE
-ly in a manner of (ในอากัปกริยาที่ระบุ) quickly
-ward(s) in direction of ในทิศทาง forwards
-wise in direction of ในทิศทาง c lockwise
5. VERB-FORMING SUFFIXES(suffixes ที่แสดง "คำกริยา")
SUFFIX MEANING EXAMPLE
-ate act as; cause to become ทำให้ activate
-ed simple past tense; past participle looked
-en to make something… ทำ whiten
-ify cause; make something… ทำ magnify
-ing present participle reading
-ize (-ise) to make or put something in the stated condition ทำให้ centralize

บทที่ 2 เรื่อง การใช้ Context Clues (การเดาความหมายจากบริบท)

Context Clues การเดาความหมายจากบริบท
context = ปริบทหรือบริบท , clue = ตัวชี้แนะ อุปสรรคที่มักพบบ่อยๆ
ในการอ่านภาษาอังกฤษ ก็คือ การไม่รู้ความหมายของคำศัพท์ ทำให้ไม่สามารถเข้าใจข้อความที่อ่าน
ไม่สามารถตีความโจทย์ข้อสอบได้ อ่านไม่เข้าใจ ทำข้อสอบได้ไม่ดี วิธีที่จะช่วยแก้ปัญหานี้ก็คือ ต้องรู้ความหมายศัพท์และสามารถนำไปใช้ได้ แต่การรู้ความหมายศัพท์โดยไม่ต้องเปิดพจนานุกรม (Dictionary) นั้น ทำได้อย่างไร คำตอบก็คือ นักเรียนมีความจำเป็นที่จะต้องเดาความหมายนั้นจากบริบท (Context)
ซึ่งหมายถึง ข้อความ หรือศัพท์หลายๆ คำซึ่งแวดล้อมคำศัพท์ตัวที่เราไม่รู้ความหมาย แล้วทำให้เดาความหมายของศัพท์ที่ไม่รู้ได้ บริบทเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเข้าใจคำศัพท์ เป็นอย่างมาก ทั้งนี้เพราะ ความหมายของคำ คำใดคำหนึ่งนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับคำอื่นๆ ซึ่งอยู่ข้างเคียงด้วย เช่น คำว่า "about" We know about that. (about = concerning) แต่ถ้า It is about six o'clock. (about = close to) เป็นต้น
ผู้อ่านสามารถตีความหมายได้โดยอาศัยสิ่งแนะที่อยู่ในปริบท (Context Clues) สิ่งชี้แนะหรือตัวสัญญาณ (Clues / signal words) สามารถช่วยชี้แนะความหมายของคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยให้กับผู้อ่านได้อย่างถูกต้องตรงตามปริบท สิ่งชี้แนะหรือตัวสัญญาณที่สำคัญได้แก่
1. Definition type (การให้คำนิยาม)
2. Restatement type (การกล่าวซ้ำ)
3. Example type (การยกตัวอย่าง)
4. Comparison or Contrast type (การเปรียบเทียบ หรือ บอกความแตกต่าง)
5. Cause and Effect relationship type (การใช้ความสัมพันธ์ในเรื่องเหตุและผล)
6. Explanation type (การอธิบาย)
7. Modifier type (การใช้ตัวขยาย)
8. Subjective type (การใช้เนื้อเรื่อง)
9. Familiar type (การใช้คำที่คุ้นเคยที่มีความหมายใกล้เคียง)
Definition type
เป็นชนิดของสิ่งแนะที่ชี้แสดงความหมายหรือนิยามคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย
ซึ่งผู้อ่านสามารถสังเกตการนิยามความหมายของคำศัพท์ได้โดยการดูที่ตัวชี้แนะ หรือคำสัญญาณ
(clues signal words) ที่ปรากฏอยู่ในข้อความนั้นๆ ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณ ได้แก่

verb "to be" be called
mean(s/ed) called
consist of may be seen as
refer to can be defined as
may be described as can be taught of
what this means is
คำชี้แนะหรือคำสัญญาณดังกล่าวมาข้างต้นนี้ มีความหมายในทำนองเดียวกัน นั่นคือ
แปลว่า "คือ , หมายถึง , หมายความว่า, เรียกว่า"
ตัวอย่าง- A premise is a statement of the relationship between a cause and a consequence.
อธิบาย premise เป็นคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยis เป็นคำชี้แนะ หรือคำสัญญาณa statement of the relationship เป็นคำนิยามหรือความหมายของคำว่า premiseดังนั้น premise ก็คือ ข้อความที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างสาเหตุและผลลัพธ์- People who study the stars are called astronomers.
อธิบาย astronomers เป็นคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยare called เป็นคำชี้แนะหรือคำสัญญาณpeople who study the stars เป็นคำนิยามหรือความหมายของคำว่า astronomersดังนั้น astronomers ก็คือ
คนที่ศึกษาเรื่องดวงดาว หรือนักดาราศาสตร์ นั่นเอง- A committee may be defined as any group interacting in regard to a common purpose.
อธิบาย committee เป็นคำที่ไม่คุ้นเคยmay be defined as เป็นคำสัญญาณ หรือตัวชี้แนะany group interacting in reagard to common purpose เป็นคำนิยามหรือความหมายของคำว่า committee ดังนั้น committee ก็คือ กลุ่ม หรือคณะบุคคลที่กระทำการใดๆ โดยมีจุดประสงค์ร่วมกัน
Restatement type
เป็นชนิดของตัวิชี้แนะที่ผู้เขียนบอกความหมายของคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยด้วยการกล่าวซ้ำความหมายของคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยนั้น โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายขึ้น พูดให้ง่ายขึ้น
การสังเกต restatement หรือการกล่าวซ้ำความหมายของคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย สามารถดูได้จากตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณ (clues / signal words) และเครื่องหมายวรรคตอน (punctuation) ดังนี้
ตัวชี้แนะ หรือคำสัญญาณ ได้แก่or( หรือ ), that is(นั่นคือ), that is to say / i.e. (นั่นคือ), in other word(กล่าวอีกนัยนึงคือ), to put in another way (กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ)
หมายเหตุ --- i.e. เป็นภาษาละติน
มาจาก id est แปลว่า that is to say
เครื่องหมายวรรคตอน
, ............................. เครื่องหมาย comma,.............................., เครื่องหมาย commas- เครื่องหมาย dash- .............................. - เครื่องหมาย dashes(.............................) เครื่องหมายวงเล็บหรือ parentheses
Example type
เป็นชนิดของสิ่งชี้แนะที่ผู้เขียนชี้แนะความหมายของคำศัพท์ไม่คุ้นเคยด้วยการให้หรือ
ยกตัวอย่างขึ้นมาประกอบความหมาย ของคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยนั้น โดยปกติก่อนจะยกตัวอย่างขึ้นมาประกอบเพื่อชี้แสดงความหมายของศัพท์ไม่คุ้นเคย ผู้เขียนมักจะให้คำชี้แนะหรือคำสัญญาณ
หรืออาจเป็นเครื่องหมายวรรคตอน ได้แก่
ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณ
for example / e.g.for instancesuch as = ตัวอย่างเช่น, ยกตัวอย่างsuch ............aslike
หมายเหตุ : e.g. เป็นภาษาละติน คือ exampli gratia แปลว่า for example
เครื่องหมายวรรคตอน
, เครื่องหมาย comma: เครื่องหมาย colon- เครื่องหมาย dash
Comparison or Contrast type
เป็นชนิดของสิ่งแนะที่ผู้เขียนชี้แนะความหมายด้วยการเปรียบเทียบ (Comparison) หรือการแย้งความ (Contrast) โดยปกติ ผู้เขียนมักจะให้ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณแสดงการเปรียบเทียบ หรือแสดงการขัดแย้งในทางตรงกันข้ามกันมาภายในข้อความนั้นๆ
ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณที่แสดงการเปรียบเทียบ
as / as.................as เหมือนกับ
like / alike เหมือนกับ
similar to เหมือนกับ ,คล้ายกับ
resemble (v) เหมือนกับ
similarily (adv) ในทำนองเดียวกัน
likewise (adv) ในทำนองเดียวกัน
correspondingly (adv) ในทำนองเดียวกัน
in the same way (adv) ในทำนองเดียวกัน
in like manner (adv) ในทำนองเดียวกัน
comparing เปรียบเทียบกับ
compare with เปรียบเทียบกับ
as if / as though ราวกับว่า
ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณที่แสดงการขัดแย้ง
but / yet แต่however / nevertherless แต่อย่างไรก็ตาม
though / although/ even though แม้ว่า
while / whereas ในขณะที่ (แสดงการแย้งกัน)
on the other hand ในทางตรงกันข้าม
on the contrary ในทางตรงกันข้าม
in contrast ในทางตรงข้าม
conversely ในทางกลับกัน
in spite of / despite แม้ว่า

บทที่ 1 เรื่อง การใช้ Dictionary



การใช้ Dictionary ง่าย ๆนะคะเราต้องรู้จักส่วนประกอบของ Dictionaryกันก่อนนะ ว่ามีกี่ส่วนประกอบ
คำตอบง่ายๆ มี 7 ส่วน ประกอบนั้นเอง

1. Headword is the first word of an entry in a dictionary. It is listed alphabetically.
Headword คือ คำที่เราต้องการค้นหา หรือคำแรกที่ขึ้นต้นในหน้าที่เรากำลังค้นหานั้นเอง
2. Part of speech deseribes the function of the word, for example; noun, verb, adjective of adverb.
Part of speech คือ ส่วนประกอบของคำในภาษาอังกฤษ เช่น คำนาม คำสรรพนาม กริยา กริยาวิเศษ ถ้าเราเปิดดูคำศัพท์เราก็จะรู้ว่าคำนั้น เป็นคำอะไร แล้วส่วนประกอบของคำเป็นอย่างไร
3. Pronunciation describes the way in which a word is pronounced.
Pronunciation ก็คือการออกเสียง เวลาเราดู Dictionary เราสามารถดูได้ว่าคำนี้สามารถออกเสียงได้อย่างไร
4. Meaning informs a word or words mean including American and British English.
Meaning informs คือ ความหมายของคำศัพท์ ว่าความหมายคืออะไร มีกี่ความหมาย คำศัพท์บางตัว มีหลายความหมายนะคะ นักศึกษาควรจำไว้
5. Sample sentence shows how to use a word in a sentence.

Sample sentence คือ ตัวอย่างประโยคที่แสดงให้ดู
6. Idiom describes an expression whose meaning is different from the meaning of the individual words.

Idiom describes คือสำนวนที่แสดงให้ดูว่าคำศัพท์นั้นสามารถนำมาสร้างเป็น สำนวนได้หรือไม่
7. Phrasal verb describes a verb that is formed from two or more words: a verb and a preposition such as go on, sit up, take off.
Phrasal verb คือ วลี ที่สามารถนำมาสร้างเป็นคำได้ เช่น sit up, take off.